ทำไมถึงนอนกรน ?
การนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่ด้านหลังลำคอหย่อนตัวลงขณะนอนหลับและไปอุดกั้นทางเดินหายใจบางส่วนจนทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศเคลื่อนที่ผ่านทางเดินหายใจที่ตีบแคบในระหว่างนอนหลับ กล้ามเนื้อบริเวณรอบ ๆ ทางเดินหายใจจะสั่นและทำให้เกิดเสียงกรนตามมา
วิธีแก้นอนกรน
วิธีแก้นอนกรนนั้นมีหลายวิธี โดยผู้ที่มีปัญหานี้สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองได้ที่บ้าน ดังนี้
ปรับเปลี่ยนท่านอน ควรนอนให้ศีรษะยกสูงกว่าลำตัว โดยปรับหัวเตียงให้สูงขึ้น 30 องศา หรือใช้หมอนรองประมาณ 4 นิ้ว เพื่อช่วยลดอาการบวมของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน และควรนอนตะแคง เพราะการนอนหงายอาจทำให้โคนลิ้นเคลื่อนตัวไปอุดกั้นทางเดินหายใจบริเวณลำคอได้ หากกังวลว่าจะกลับมานอนหงายในระหว่างที่นอนหลับ อาจเย็บกระเป๋าเล็ก ๆ ด้านหลังเสื้อนอนแล้วใส่ลูกเทนนิสลงไป
ลดน้ำหนัก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานจะมีไขมันพอกบริเวณลำคอ ซึ่งส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบจนนำไปสู่การกรนได้ การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมอาหาร และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยลดไขมันบริเวณดังกล่าวได้ ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น และช่วยให้นอนกรนน้อยลง อย่างไรก็ตาม แม้จะลดน้ำหนักแล้วแต่บางคนก็อาจยังนอนกรนอยู่เหมือนเดิมได้เช่นกัน
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเพิ่มความตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอหอย และลดการอุดกั้นในทางเดินหายใจ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่จะส่งผลให้มีอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น วิ่ง เดินขึ้นลงบันได เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือเต้นแอโรบิกอย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นต้น
พยายามทำจมูกให้โล่ง ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่มีอาการกำเริบอาจรับประทานยาแก้แพ้หรือใช้ยาสเตียรอยด์แบบพ่นจมูกก่อนนอน เพื่อลดอาการบวมของเยื่อบุจมูก และช่วยให้หายใจทางจมูกได้สะดวก ซึ่งจะส่งผลให้เพดานอ่อนและลิ้นไก่สะบัดตัวน้อยลง ทั้งยังทำให้เสียงกรนเบาลงได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนหรือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือก็อาจช่วยให้จมูกโล่งและหายใจได้สะดวกขึ้นเช่นกัน
งดดื่มแอลกอฮอล์และยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงก่อนนอน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน รวมถึงไม่ใช้ยาที่ทำให้ง่วงซึม เช่น ยานอนหลับ ยาระงับประสาท และยาแก้แพ้ชนิดง่วง เป็นต้น เพราะเสี่ยงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอหย่อนตัวมากขึ้นและทำให้สมองตื่นตัวช้าลง เป็นเหตุให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนมากขึ้นจนมีอาการนอนกรนตามมา ซึ่งผู้ที่ไม่เคยนอนกรนมาก่อนก็อาจนอนกรนได้หลังจากดื่มแอลกอฮอล์และรับประทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน
ไม่สูบบุหรี่ก่อนนอน หากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ ให้เว้นระยะสูบบุหรี่อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะควันบุหรี่จะทำให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนบวมหรือมีอาการคัดจมูก ซึ่งส่งผลให้หายใจไม่สะดวกและนอนกรนได้ในที่สุด โดยยิ่งสูบบุหรี่มากเท่าใดก็ยิ่งเสี่ยงนอนกรนมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปโดยที่ตนเองไม่ได้สูบก็อาจทำให้นอนกรนได้เช่นกัน
ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะหากร่างกายขาดน้ำ สารคัดหลั่งในจมูกและเพดานอ่อนจะเหนียวข้นขึ้นจนส่งผลให้นอนกรนได้
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง เพราะการอดนอนจะยิ่งทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนหลับลึก ซึ่งส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณลำคอหย่อนตัวและอาจไปอุดกั้นทางเดินหายใจ เป็นเหตุให้เกิดการนอนกรนตามมา
ซักทำความสะอาดที่นอนและปลอกหมอนเป็นประจำ เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้อย่างไรฝุ่นหรือสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยงที่นอนร่วมเตียงกับเจ้าของ รวมถึงสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอื่น ๆ ซึ่งอาจตกค้างอยู่ตามหมอนและทำให้หายใจไม่ออกหรือเกิดเสียงกรนขณะนอนหลับได้ และควรเปลี่ยนหมอนทุก ๆ 6 เดือนด้วย เพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้
😊 ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และติดตามข่าวสารโปรโมชั่น และผลิตภัณฑ์ดีๆ ┏━━━━━━━━━━━┓
① ID Line : @vetaming
┗━━━━━━━━━━━┛ 👉🏻 คลิ๊กเลย http://line.me/ti/p/%40vetaming
😀 สั่งเลยคะง่ายๆตามด้านล่างนี้
📞 083-2365945
หน้าที่เข้าชม | 42,493 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 31,842 ครั้ง |
เปิดร้าน | 28 ม.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 10 ก.ย. 2568 |